ใบความรู้ที่ 1
เรื่องห้องสมุดและแหล่งการเรียนรู้
1. ความหมายของห้องสมุด
คำว่า “ห้องสมุด” มีคำใช้อยู่หลายคำ ในประเทศไทยสมัยก่อนเรียกว่า
“หอหนังสือ” ห้องสมุดตรงกับภาษาอังกฤษว่า
Library มาจากศัพท์ภาษาละตินว่า Libraria แปลว่าที่เก็บหนังสือ
ห้องสมุด คือ
สถานที่รวบรวมสรรพวิทยาการต่างๆ ซึ่งได้บันทึกไว้ในรูปของหนังสือ
วารสาร ต้นฉบับตัวเขียน สิ่งตีพิมพ์อื่น ๆ หรือโสตทัศนวัสดุ
และมีการจัดอย่างมีระเบียบเพื่อบริการแก่ผู้ใช้ ในอันที่จะส่งเสริมการเรียนรู้และความจรรโลงใจตามความสนใจ และความต้องการของ
แต่ละบุคคล โดยมีบรรณารักษ์เป็นผู้จัดหา
และจัดเตรียมให้บริการแก่ผู้ใช้ห้องสมุด
2. ความสำคัญของห้องสมุด
ความสำคัญของห้องสมุด การศึกษาไทยตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษามุ่งพัฒนาเยาวชนไทยให้
เก่ง ดี มีความสุขจากสังคมแห่งการเรียนรู้
ซึ่งเป็นสังคมคุณภาพที่สร้างคนให้ตระหนัก
ถึงความสำคัญของการเรียนรู้ การสร้างนิสัยรักการอ่าน
และการแสวงหาแหล่งเรียนรู้ เพื่อนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร
(Information Age) ผู้ที่สนใจจะศึกษาค้นคว้าให้เป็นผู้รอบรู้ในวิทยาการ
เชี่ยวชาญในงานวิชาชีพ และทันสมัยต่อเหตุการณ์ต่าง
ๆ นั้น จำเป็นต้องพึ่งพาห้องสมุดเป็นอย่างยิ่ง
ห้องสมุดเป็นปัจจัยสำคัญสิ่งหนึ่งที่จะบ่งชี้ถึงความมีมาตรฐาน
ด้านการศึกษาของสถาบันการศึกษาแห่งนั้น ๆ ความสำคัญของห้องสมุดในแต่ละสถาบันการศึกษานั้น
อาจสรุปได้ดังนี้
2.1 ห้องสมุดเป็นแหล่งรวมทรัพยากรสารสนเทศต่าง ๆ
เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของสถาบันการศึกษาที่ผู้ใช้สามารถศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ต้องการได้ทุกสาขาวิชาที่มีการเรียนการสอนในสถานศึกษา
เพื่อให้ครูอาจารย์ผู้สอน และนักเรียนนักศึกษาเข้าค้นคว้าหาความรู้
เป็นสื่อกลางในกระบวนการเรียนการสอน
2.2 ห้องสมุดเป็นแหล่งที่ทุกคนสามารถเลือกศึกษาค้นคว้าได้โดยอิสระตามความสนใจของแต่ละบุคคล
เป็นแหล่งภูมิปัญญาของสังคม อาจเป็นการค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อให้รอบรู้เข้าใจยิ่งขึ้นในเนื้อหาวิชา
หรือเรื่องที่กำลังศึกษาอยู่ หรือเลือกอ่านสิ่งที่ตนสนใจ
ซึ่งโรเจอร์ เบคอน
นักปราชญ์ชาวอังกฤษกล่าวไว้ว่า “การอ่านทำให้เป็นคนเต็มคน”
ก่อให้เกิดการศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการในการแสวงหาความรู้เฉพาะบุคคล
2.3 ห้องสมุดช่วยให้ผู้ใช้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
คนเรานั้นหากมีเวลาว่างก็ควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้คุ้มค่าเวลา
การใช้เวลาว่างของแต่ละคนแตกต่างกัน เช่น
บางคนชอบนั่งเล่นเฉยๆ ชมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
บางคนชอบดูหนัง บางคนชอบฟังเพลง
บางคนชอบ เดินซื้อของหรือบางคนอาจชอบคุย แต่การใช้เวลาว่างที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การอ่านหนังสือ หยิบหนังสือดี ๆ สักเล่มให้กับชีวิตอ่านแล้วทำให้ปัญญางอกงาม เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม
และยังช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดพอใจที่จะอ่านหนังสือต่างๆ โดยไม่รู้จักจบสิ้นจากเล่มหนึ่งไปสู่อีกเล่มหนึ่ง
2.4 ห้องสมุดช่วยให้ผู้ใช้มีความรู้ทันสมัย ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ เพราะผู้ใช้ห้องสมุดเป็นประจำจะเป็นผู้ที่รู้ข่าวความเคลื่อนไหวทั้งภายในและภายนอกประเทศ
2.5 ห้องสมุดช่วยให้ผู้ใช้มีนิสัยรักการอ่าน การค้นคว้า และใฝ่หาความรู้ด้วยตนเอง
เพราะห้องสมุดเป็นแหล่งบริการข้อมูล ข่าวสาร
จัดให้มีบริการช่วยการค้นคว้า และเสนอแนะการอ่านผู้ซึ่งสามารถขยายขอบเขตการอ่าน
การศึกษาค้นคว้าให้กว้างขวางออกไปได้มากขึ้นก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กระตุ้นให้รักการอ่านและการศึกษาค้นคว้า
2.6 ห้องสมุดเป็นสมบัติของส่วนรวม ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องรับรู้กฎระเบียบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
รับรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ที่พึงมีพึงปฏิบัติต่อส่วนรวม
จึงเป็นการปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตยในตัวบุคคลเป็นอย่างดี
2.7 ห้องสมุดช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดมีความเพลิดเพลิน
ซึ่งนับว่าเป็นการพักผ่อนทางอารมณ์ ของผู้ใช้ห้องสมุดวิธีหนึ่งด้วย
3. ประโยชน์ของห้องสมุด
ห้องสมุดเป็นแหล่งที่จัดหา รวบรวมทรัพยากรสารนิเทศ
อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวบุคคลและสังคมในด้านต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้
1. ด้านการเรียนการสอน
2. ด้านการค้นคว้าวิจัยเพื่อให้เกิดความรู้ใหม่
3. ด้านศิลปวัฒนธรรม (สะสมความคิด
วัฒนธรรม มรดกของชาติ)
4. ด้านการดำรงชีวิต
5. ด้านเศรษฐกิจ (ช่วยประหยัดในการค้นหาความรู้
สร้างอาชีพให้คน)
6. ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
4. องค์ประกอบของห้องสมุด
ห้องสมุดจะดำเนินการอยู่ได้ต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
4.1 สถานที่ สำหรับใช้จัดเก็บหนังสือและโสตทัศนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
และใช้ดำเนินงานในการจัดให้บริการแก่ผู้ใช้ได้อย่างสะดวก ห้องสมุดอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาคารหรือเป็นอาคารเอกเทศก็ได้
ขึ้นอยู่กับจำนวนของทรัพยากรสารนิเทศ วัสดุอุปกรณ์
และผู้ใช้บริการว่ามีมากน้อยเพียงใด
4.2 ทรัพยากรห้องสมุด ต้องมีจำนวนมากพอและใหม่ทันสมัยอยู่เสมอ
คัดเลือกให้เหมาะสมกับผู้ใช้ มีการจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
มีการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลา
4.3 บรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ห้องสมุดต้องมีบรรณารักษ์วิชาชีพเป็นผู้ดำเนินการบริหารและจัดการให้การดำเนินงานห้องสมุดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีเจ้าหน้าที่อื่น
ๆ เพียงพอ ที่จะช่วยในงานจัดหา จัดเตรียมหนังสือให้ยืม งานพิมพ์
งานจัดเก็บสิ่งพิมพ์ งานบริการ และงานอื่น
ๆ ของห้องสมุด
4.4 งบประมาณ ห้องสมุดต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณเพียงพอสำหรับการจัดซื้อหนังสือและสื่ออื่น
ๆ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
ในการจัดบริการของห้องสมุดและต้องได้รับงบประมาณอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
5. วัตถุประสงค์ของห้องสมุด
โดยทั่วไปการจัดบริการห้องสมุดจะมีวัตถุประสงค์โดยรวม ดังนี้
5.1
เพื่อการศึกษา (Education)
การศึกษาในปัจจุบันมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นการเรียนทุกระดับชั้นตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา
ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากทรัพยากรสารสนเทศต่าง
ๆ ในห้องสมุดเพื่อให้เกิดความรู้อย่างกว้างขวาง
ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่วนการศึกษานอกระบบหรือผู้ที่ไม่ได้ศึกษาถึงขั้นสูงสุดก็สามารถใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเอง
พัฒนาอาชีพได้ตลอดชีวิต เพราะห้องสมุดเปรียบเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปค้นหาคำตอบที่ต้องการได้
5.2
เพื่อให้ความรู้ ข้อมูล
ข่าวสาร (Information) ห้องสมุดได้จัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศประเภทหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร ในทุกสาขาวิชาเพื่อให้ผู้ใช้ติดตามข่าว
ความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ปัจจุบัน และความก้าวหน้าทางวิชาการในแต่ละสาขาวิชาชีพ
จึงเป็นการสนองความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และห้องสมุดยังได้จัดหาทรัพยากรสารนิเทศที่ดีและใหม่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลามาไว้ให้บริการ
ผู้ใช้จึงได้ทั้งความรู้และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
อีกทั้งยังสามารถติดตามข่าวความเคลื่อนไหวและเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและนอกประเทศทั่วโลก
5.3
เพื่อการค้นคว้าวิจัย (Research)
ห้องสมุดเป็นสถานที่จัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศประเภทสถิติ
รายงานการวิจัยและหนังสืออ้างอิง เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกต่อการค้นคว้าวิจัยของนักวิจัยในสาขาต่าง
ๆ ซึ่งได้จัดหา รวบรวมสารนิเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
โครงงาน ผลการค้นคว้าวิจัยที่เกิดขึ้นใหม่
และสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายที่มีผู้จัดทำไว้แล้ว ไว้สำหรับให้ผู้ที่สนใจนักการศึกษา นักวิจัยได้ศึกษาค้นคว้า
และส่งเสริมให้เกิดงานค้นคว้าวิจัยชิ้นใหม่
ๆเกิดความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการในสาขาต่าง ๆ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความงอกงามทางด้านวิชาการต่อไป
ในอนาคต
5.4 เพื่อให้เกิดความจรรโลงใจ
(Inspiration) ทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดนอกจากจะให้ความรู้ทางวิชาการแล้ว
ยังได้รวบรวมสะสมความรู้สึกนึกคิดที่สร้างสรรค์ความดีงาม
ซึ่งได้แก่ ทรัพยากรสารสนเทศประเภท
ปรัชญา จิตวิทยา ศิลปะ ศาสนา วรรณคดี
บทประพันธ์ต่างๆ ชีวประวัติ
สารคดีท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อผู้อ่านได้อ่านแล้วจะทำให้เกิดความสุขทางใจ
เกิดความรู้สึก ชื่นชมและประทับใจในความคิดที่ดีงาม เกิดความซาบซึ้งประทับใจในเรื่องราวที่อ่าน
มองเห็นคุณค่าของความดีงาม ได้คติชีวิตจนสามารถยกระดับจิตใจและเกิดการพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีมีความสำเร็จในชีวิตอันเป็นประโยชน์ต่อบุคคลและสังคม
5.5 เพื่อนันทนาการหรือพักผ่อนหย่อนใจ
(Recreation) ทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดนั้นนอกจากจะมีเนื้อหาทางด้านวิชาการแล้วยังมีหนังสือประเภทนวนิยาย
เรื่องสั้น นิตยสาร เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน และห้องสมุดยังได้จัดหาสื่อที่เรียกว่า
Edutainment (สื่อที่ให้ทั้งความรู้ ความคิด การศึกษาด้านวิชาการ และความบันเทิงไปพร้อม ๆ กัน) เพื่อให้ผู้ใช้ห้องสมุดได้รับความสุข
ความเพลิดเพลินจากการอ่าน การดูและการฟัง
เช่น วีดิทัศน์ ฟังเพลง ดูหนังสารคดี
ดูการ์ตูน ดูภาพล้อ เป็นต้น
6. ประเภทของห้องสมุด
ห้องสมุดเป็นสถาบันสารสนเทศอันดับแรกที่เก่าแก่และคุ้นเคยเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
โดยแบ่งตามเป้าหมายในการให้บริการ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
6.1
ห้องสมุดโรงเรียน (School Libraries)
คือ ห้องสมุดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนในโรงเรียน
ตั้งแต่ระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา
และระดับมัธยมศึกษา มีทรัพยากรสารสนเทศเกี่ยวกับการเรียนการสอนตามหลักสูตร
และนอกเหนือหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายของหลักสูตร
เป็นแหล่งปลูกฝังการมีนิสัยรักการอ่านและใฝ่หาความรู้ด้วยตนเองให้แก่เยาวชน
สามารถใช้เป็นพื้นฐานในการใช้ห้องสมุดและแหล่งสารสนเทศอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขนาดของห้องสมุดโรงเรียนจะเล็กหรือใหญ่โตเพียงใด ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนในโรงเรียนและจำนวนหนังสือในห้องสมุด
ห้องสมุดควรจัดไว้ในที่ที่อยู่เป็นศูนย์กลางของนักเรียนและครู
เพื่อจะได้เข้าใช้บริการได้สะดวก ซึ่งจะเพาะนิสัยในการอ่านและการค้นคว้าให้แก่นักเรียน
ห้องสมุดโรงเรียนควรจัดดังนี้
6.1.1 สนับสนุนให้เด็กรักการอ่านหนังสือ
เด็กต้องอ่านหนังสือเป็น ครูรู้จักเลือกอ่านหนังสือที่ดีและอ่านแล้วรู้จักคิดวิเคราะห์ได้
6.1.2 ฝึกให้เด็กรู้จักค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง
เพราะหนังสือสนองความต้องการได้ทั้งความรู้ สติปัญญา การสังคม การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และได้ความสนุกเพลิดเพลินเด็กต้องรู้จักเลือกอ่าน
และแสวงหาความรู้เองแทนที่จะคอยเรียนรู้จากครูเท่านั้น
6.1.3 ส่งเสริมให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวต่าง
ๆ รอบตัวอย่างกว้างขวางขึ้น เข้าใจคนที่แวดล้อม เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่นตั้งแต่เล็ก ๆ
เท่าที่จะสามารถเข้าใจได้เพราะมนุษย์แต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจะอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้
ทุกคนมีสิ่งแวดล้อม มีครอบครัวญาติมิตรและคนอื่น
ๆ ที่เราต้องพบปะเกี่ยวข้องด้วย จะทำให้เด็กเกิดความเห็นใจ เข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต และดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นสุข
เช่น อ่านหนังสือพิมพ์ได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหว
รู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่ทันสมัยทันโลก หนังสือชีวประวัติ
และนวนิยายช่วยให้เข้าใจผู้อื่น อ่านหนังสือภูมิศาสตร์ได้รู้โลกกว้างขวางขึ้นทำให้จิตใจเด็กตื่นตัวอยู่เสมอ
มีความอยากรู้อยากเห็นในทางที่เหมาะสมและถูกต้อง ช่วยให้เด็กค้นพบตนเองว่าต้องการอะไร มีความถนัดและชอบสิ่งใดบ้าง
6.1.4 ฝึกให้เด็กรู้จักรักความสวยงาม
ฝึกความเป็นระเบียบ และมีวินัยโดยการจัดหาต้นไม้
ดอกไม้ประดับ ม่าน หรือภาพสวยงามไว้ตกแต่งเพื่อแลดูสวยงามสบายตา หนังสือสิ่งพิมพ์ต่าง
ๆ จัดวางเป็นระเบียบบนชั้น โต๊ะ เก้าอี้ สะอาดจัดวางเข้าที่เรียบร้อยไม่เกะกะช่วยฝึกให้เด็กเป็นคนมีระเบียบ
กฎข้อบังคับของห้องสมุด ซึ่งเด็กต้องปฏิบัติตามจะฝึกให้เด็กรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น
รู้จักหน้าที่ของตนเองที่พึงปฏิบัติ รู้จักระวังรักษาสมบัติของส่วนร่วมและฝึกการมีมารยาทในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
6.1.5 ส่งเสริมการสอนของครู และการเรียนของเด็ก โดยจัดหาหนังสือและโสตทัศนวัสดุ
ต่าง ๆ ดังนี้
6.1.5.1
จัดหาให้สอดคล้องกับการเรียนการสอนตามหลักสูตร ทั้ง 8 สาระการเรียนรู้
6.1.5.2
จัดหาหนังสืออ่านเพิ่มเติมนอกเวลา
6.1.5.3
จัดหาหนังสือสารคดีต่างๆ ที่ไม่ยากจนเกินไป
หนังสือทางด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ หนังสือวรรณคดี
6.1.5.4
จัดหาหนังสืออ้างอิงต่าง ๆ เช่น พจนานุกรม
สารานุกรม ฯลฯ
6.1.5.5 จัดหาหนังสือความรู้ทั่วไป หนังสือที่ช่วยให้รู้จักคิด รู้จักประพฤติตนช่วยให้เด็กปรับแนวความคิด
และบุคลิกลักษณะของตน หนังสือที่แนะนำเรื่องกิริยามารยาท
รู้สิ่ง ที่ควรประพฤติหรือสิ่งที่ไม่ควรประพฤติ
ชี้แนะแนวทางแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีบางประการ เพราะเด็กในวัยนี้กำลังอยู่ในระยะสร้างอุปนิสัย ยังไม่เข้าใจชีวิตและสิ่งแวดล้อมเพียงพอ
6.1.5.6 จัดหาหนังสือทางศาสนา หนังสือชีวประวัติ
และนวนิยายบางเล่มที่มีส่วนในการจูงใจเด็กให้เป็นคนดี ใฝ่ในทางดี รู้จักคิดและประพฤติตนได้ถูกต้อง
6.1.5.7 จัดหาหนังสือที่แนะแนวในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เกี่ยวกับงานอดิเรก
เช่น การประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้เล็ก
ๆ น้อย ๆ จากวัสดุเหลือใช้ การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ การวาดภาพ
งานเย็บปักถักร้อย การสะสมสิ่งต่าง ๆ
ทำให้เด็กได้ทราบว่ามีอะไรที่น่าสนใจ
6.1.5.8 จัดหาหนังสือที่ให้ความเพลิดเพลินสนุกสนาน
ช่วยให้อารมณ์แจ่มใส จิตใจเบิกบาน
หายเมื่อยล้าจากการเรียน เช่น
นิทานต่างๆ เรื่องชวนขัน
6.1.5.9 จัดหาหนังสือสำหรับครู และสิ่งพิมพ์อื่น
ๆ ได้แก่ หลักสูตรใหม่ ๆ หนังสือแนะนำสถานที่ที่นักเรียนจะเข้าศึกษาต่อ
วารสาร จุลสาร และหนังสือพิมพ์
6.1.5.10 จัดหาโสตทัศนวัสดุต่าง ๆ เช่น ภาพต่าง ๆ แผนที่
ลูกโลก แผนผัง แผนภูมิ ของเลียนแบบ เป็นต้น
6.2 ห้องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย (College and
University Libraries) คือ
ห้องสมุดระดับอุดมศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยต่าง
ๆ ปัจจุบันส่วนมากใช้คำว่าสำนักหอสมุด หรือสถาบันวิทยบริการ แทนคำว่า ห้องสมุด นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมของแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการค้นคว้าด้านการเรียนการสอน
และการวิจัยของอาจารย์และนักศึกษา ให้บริการทางวิชาการแก่ชุมชน
ตลอดจนส่งเสริมทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ห้องสมุดมหาวิทยาลัยอาจเป็นห้องสมุดกลางหรือห้องสมุดคณะหรือห้องสมุดเทียบเท่าคณะที่มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่น
ในสังกัดมหาวิทยาลัยและจะต้องมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
และนโยบายของมหาวิทยาลัย หนังสือ
โสตทัศนวัสดุ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
6.3
ห้องสมุดประชาชน (Public Libraries)
คือ ห้องสมุดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป
ไม่จำกัด เพศ วัย ศาสนา อาชีพ
และระดับความรู้ในชุมชนท้องถิ่นนั้น ๆโดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใด ๆ
ไม่ว่าจะเป็นค่าบำรุงห้องสมุด ค่าเช่าหนังสือ
ทั้งนี้เพราะถือว่าประชาชนได้เสียภาษีให้แก่รัฐแล้วห้องสมุดประชาชนแห่งแรกของไทย
คือ ห้องสมุดวัดพระเชตุพนฯ หรือ
วัดโพธิ์ ให้บริการส่งเสริมการอ่านแก่ประชาชนในท้องถิ่น
ประชาชนสามารถเลือกรับข้อมูลข่าวสารได้ตามความต้องการได้อย่างอิสรเสรี
ซึ่งในปัจจุบันห้องสมุดประชาชนขยายขอบเขตการให้บริการกว้างขวางออกไป
ขยายสาขาไปยังชุมชนที่ห่างไกล มีทั้งห้องสมุดประชาชนระดับอำเภอ
ระดับตำบล จัดบริการห้องสมุดเคลื่อนที่โดยใช้รถยนต์
หรือเรือไปยังที่ต่างๆเป็นการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนแต่ละแห่ง
เพื่อช่วยยกระดับชีวิตและสติปัญญา ทำให้เป็นพลเมืองดีมีความรับผิดชอบ
6.4
ห้องสมุดเฉพาะ (Special Libraries)
คือห้องสมุดที่เก็บรวบรวมสารนิเทศ เพื่อสนองตอบ ความต้องการของบุคคลเฉพาะสาขาวิชาวิชาใดวิชาหนึ่งและวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม
ซึ่งเป็นสมาชิกในหน่วยงานที่ห้องสมุดสังกัดอยู่ และการให้บริการของห้องสมุดเฉพาะนี้จะช่วยส่งเสริมให้กิจการของหน่วยงานนั้นๆ
เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ห้องสมุดเฉพาะนี้มักจะสังกัดอยู่ในหน่วยราชการ
องค์การ บริษัท สมาคมวิชาชีพ ธนาคาร พิพิธภัณฑ์ มหาวิทยาลัย องค์การระหว่างประเทศ และหน่วยงานอื่น ๆ
เป็นต้น สำหรับชื่อห้องสมุดเฉพาะมีชื่อแตกต่างกันมากกว่าห้องสมุดประเภทอื่น
ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ห้องสมุดนั้นสังกัด รวมทั้งลักษณะของการดำเนินงานและการให้บริการ เช่น
ในปัจจุบันใช้คำว่า ศูนย์ข่าวสาร
ศูนย์เอกสาร ศูนย์บริการเอกสาร
เป็นต้น เช่น ห้องสมุดคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย
ห้องสมุดวัดบวรนิเวศฯ (รวบรวมหนังสือที่ระลึกในโอกาสพิเศษของบุคคลและหน่วยงานต่าง
ๆ) ห้องสมุดของสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ห้องสมุดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ห้องสมุดสยามสมาคม
ห้องสมุดการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ห้องสมุดเนติบัณฑิตยสภา
เป็นต้น หนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุดประเภทนี้มีแต่หนังสือซึ่งเกี่ยวกับหน่ายงานนั้น
ๆ เป็นส่วนใหญ่ เพราะวัตถุประสงค์หลักของห้องสมุดประเภทนี้มีไว้เพื่อช่วยการค้นคว้าและวิจัยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานเท่านั้น
สิ่งพิมพ์ส่วนมากจะเป็นรายงานเกี่ยวกับการวิจัย เอกสารของรัฐบาล รายงานทางวิชาการของสมาคมซึ่งสิ่งพิมพ์เหล่านี้จะหาได้จากแหล่งผลิตเท่านั้นไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป
โดยทั่วไปจะให้บริการ แก่บุคลากรของหน่วยงาน หรือนักศึกษาของคณะนั้น
ๆ
6.5 หอสมุดแห่งชาติ (National Libraries)
คือ ห้องสมุดประจำชาติหรือประเทศ
หอสมุดแห่งชาติของไทยเดิมชื่อว่า หอสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร
ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ ท่าวาสุกรี ถนนสามเสน สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์
ธนะรัชต์ วางศิลาฤกษ์เมื่อ
พ.ศ. 2506 เปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการ
ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 มีฐานะเป็นสำนักหอสมุดแห่งชาติ
สังกัดกรมศิลปกรกระทรวงศึกษาธิการ เปิดบริการให้ประชาชนเข้าอ่านได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.30-19.30
น. เว้นวัดหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ แต่ไม่อนุญาตให้ยืมทรัพยากรสารนิเทศออกนอกห้องสมุด
หอสมุดแห่งชาติเก็บรวบรวมสิ่งพิมพ์ที่พิมพ์ขึ้นภายในประเทศไว้อย่างสมบูรณ์
และอนุรักษ์ให้คงทนถาวร จัดให้ใช้ประโยชน์ในด้านประกอบการค้นคว้าวิจัย
หอสมุดแห่งชาติจะต้องได้รับสิ่งพิมพ์ทุกเล่มที่พิมพ์ขึ้นภายในประเทศตามกฎหมาย
เก็บรวบรวมทรัพยากรสารนิเทศทุกชนิดโดยเฉพาะทรัพยากรสารนิเทศที่ผลิตในประเทศนั้นๆ
จัดทำบรรณานุกรมทรัพยากรสารนิเทศแห่งชาติ กำหนดเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ (ISBN =
International Standard Book Number) ส่วนบรรณานุกรม
ประเภทอื่น ๆ ที่หอสมุดแห่งชาติจัดทำ
ได้แก่ บรรณานุกรมเฉพาะวิชา
บรรณานุกรมผู้แต่ง โดยจะทำเฉพาะผู้แต่งที่มีชื่อเสียง
และแต่งหนังสือไว้หลายชื่อ และนอกจากนี้หอสมุดแห่งชาติยังมีหน้าที่รวบรวมสารนิเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
ซึ่งผลิตที่ต่างประเทศ รวบรวมสิ่งพิมพ์ที่มีคุณค่า
มีราคาสูงทั้งของไทยและของต่างประเทศ ซึ่งห้องสมุดอื่นไม่มี
หนังสือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ในหอสมุดแห่งชาตินั้นได้รับมาจากหลายทาง
เช่น หนังสือที่พิมพ์ในประเทศไทย
จะได้รับตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ที่ระบุไว้ว่า “บรรดาหนังสือที่มีกรรมสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติ
ผู้มีกรรมสิทธิ์จะต้องมอบให้เพื่อเก็บรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติ
2 ฉบับ”
อีกทั้งยังได้จัดหาหนังสือประเภทมีคุณค่าหายาก มีราคาแพงจากต่างประเทศทั่วโลก
อาจจัดหาโดยวิธีการซื้อด้วยเงินงบประมาณของหอสมุด หรือแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานราชการ ห้องสมุด และสมาคมต่าง ๆ ในต่างประเทศหรือมีผู้บริจาคให้
จึงทำให้หอสมุดแห่งชาติมีหนังสือสำคัญต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมากและมีหนังสือหลากหลายภาษา
อีกทั้งยัง